ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019″ หรือ ศบศ. อนุมัติให้มีมาตรการผ่อนคลายการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 เปิดประเทศ เพื่อการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว 4 ระยะ โดยนับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. เป็นต้นไป นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนแล้วสามารถเข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัว

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์เกี่ยวกับแผนการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจว่า ศบศ. และ คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาอนุมัติให้มีการผ่อนคลายมาตรการกักตัวและเดินทางเข้าประเทศไทย เปิดประเทศ รับต่างชาติเที่ยวไทย โดยแบ่งเป็น 4 ระยะ ประกอบด้วย

ระยะแรก:

เริ่ม 1. เม.ย. นักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางไปยังจ. ภูเก็ต กระบี่ พังงา พัทยา เชียงใหม่ ที่ได้รับการฉีดวัคซีนและใบรับรองการฉีดวัคซีน (vaccine certificate) สามารถที่จะกักตัว 7 วัน ภายในโรงแรมก่อนที่จะออกจากโรงแรม ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ลดลงจากการกักตัวปกติที่กำหนดไว้ 14 วัน

ระยะที่สอง

เริ่ม 1 ก.ค. เป็นต้นไป เฉพาะในส่วนของภูเก็ต สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ได้รับวัคซีน 2 โดส หรือตามจำนวนที่กำหนด ก็ไม่จำเป็นต้องกักตัว แต่สำหรับพื้นที่อื่น ๆ ยังคงต้องใช้เวลากักตัว 7 วัน

ระยะที่สาม

เริ่ม 1 ต.ค. เป็นต้นไป เฉพาะพื้นที่นำร่อง เช่น ภูเก็ต พังงา กระบี่ พัทยา และเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไม่มีความจำเป็นต้องกักตัวอีกต่อไป หากว่ามีการฉีดวัคซีนและมีรับรองการฉีดวัคซีน

ระยะที่สี่

เริ่ม 1 ม.ค. 2565 เป็นต้นไป นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไม่จำเป็นต้องกักตัว หากมีใบรับรองการฉีดวัคซีน

การพิจารณาดังกล่าวของ ศบศ. เป็นไปตามข้อเสนอของภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวที่ต้องการให้รัฐบาลเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ ด้วยการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ที่ยังเป็นเป็นอุปสรรคต่อการผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 รายได้จากอุตสาหกรรมนี้คิดเป็นสัดส่วนราว 17% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ หรือ จีดีพี


เปิดประเทศ รับต่างชาติเที่ยวไทย

สิงคโปร์ถือเป็นชาติที่เร่งการฉีดวัคซีนสูงสุดในอาเซียน คือ 18.96% ของประชากรทั้งหมด ตามมาด้วยอินโดนีเซีย (3.56%) กัมพูชา ( 1.17%) มาเลเซีย (1.49%) ลาว (0.56%) ฟิลิปปินส์ (0.46%) ไทย (0.15%) และเวียดนาม (0.04%) ส่วนบรูไนไม่มีข้อมูล

Ttraveldb