ผู้ที่มารันวงการอาหารญี่ปุ่นในบ้านเรา ณ ปี พ.ศ.นี้ก็คงหนีไม่พ้น “โอมากาเสะ” จริง ๆ ไม่มีใครไม่รู้จัก อย่างน้อยต้องครั้งหนึ่งในชีวิต แต่ว่าเรารู้จักโอมากาเสะกันมากแค่ไหน  รู้หรือเปล่าว่าเขามีข้อห้าม ข้อควรทำ และมารยาทในการกินโอมากาเสะด้วยนะ วันนี้เราเลยถือโอกาสเปิดคอร์สสั้น ๆ ติวเข้มการกินโอมากาเสะที่ดูแล้วยังไงก็เซียนเหมือนเรียนมา จับไม่ได้ว่าเป็นมือใหม่หัดกินแน่นอน!

คำว่า โอมากาเสะ (Omakase) หรือภาษาญี่ปุ่นก็คือ (お任せ) ที่แปลว่า ‘ตามใจเชฟ’ นั่นเอง ต้องแอบบอกรากศัพท์ฉบับคน (ทำเนียนว่า) มีความรู้สึกนิดว่า คำนี้มาจากคำว่า 任せる (Makaseru) ซึ่งแปลว่ามอบความไว้วางใจ ก็เหมือนที่เรามอบความไว้วางใจให้กับเชฟผู้ที่จะรังสรรค์เมนูทุกจานด้วยวัตถุดิบคุณภาพ และวิธีการนำเสนอที่ดีที่สุดให้เราดูต่อหน้า ให้เราได้เห็นความพิถีพิถันและใส่ใจในทุกขั้นตอน ส่วนทีนี้ใครอยากแสดงฝีมือว่าเป็นเซียนตัวจริง จะสั่งเมนูที่นอกเหนือจากเชฟเสิร์ฟก็สามารถทำได้ โดยจะเรียกว่า โอะโคะโนมิ (Okonomi) หรือ ‘สั่งตามใจฉัน’ นั่นเอง

มือใหม่หัดกิน “โอมากาเสะ”

Must Do : ควรทำเป็นอย่างยิ่ง

✔️จองล่วงหน้า : ที่โอมากาเสะมีการโทรจองล่วงหน้าเนี่ยก็เพื่อให้เชฟเตรียมวัตถุดิบให้พอดีกับลูกค้าในวันนั้น ๆ ซึ่งข้อดีของการโทรจองก็คือ เราอาจจะได้จ่ายในราคาที่ลดลง เพราะจองรอบเที่ยงจะถูกกว่ารอบเย็นนะ

✔️ห้ามไปเลท : คนญี่ปุ่นตรงต่อเวลาฉันใด การไปกินอาหารญี่ปุ่นก็ควรตรงต่อเวลาฉันนั้น โดยควรไปล่วงหน้าประมาณ 10 นาที เพื่อที่พอถึงเวลาปุ๊บ เราจะได้ประจำที่พร้อมเริ่มคอร์สตามแบบฉบับเซียนที่เรียนเรื่องโอมากาเสะมาดีแล้ว!

✔️แจ้งให้เชฟทราบว่าแพ้อาหารชนิดใด : สำคัญมากนะทุกคน บอกเขาไปเลยว่ากินอะไรได้ ไม่ได้บ้าง โดยเฉพาะอาหารที่แพ้ ไม่ต้องกลัวไม่คุ้ม เพราะเชฟจะหาเมนูอื่นที่ราคาสมน้ำสมเนื้อกันมาทดแทนให้จ้า

✔️หยิบซูชิด้วยนิ้วชี้และนิ้วโป้งได้เลย : ถ้ายังไม่ชินอนุญาตให้ใช้ตะเกียบได้ แต่ถ้าอยากเป็นเซียนต้องใช้สองนิ้วคีบซูชิเข้าปากถอดแบบจากคนญี่ปุ่นแท้ ๆ  ไม่ต้องกลัวมือเลอะ เขามีผ้าเช็ดมือวางไว้ข้าง ๆ ให้อยู่แล้ว 

✔️กินขิงดองล้างปากระหว่างคอร์ส : จริง ๆ การกินขิงดองคั่นก็เหมือนเป็นการเคลียร์รสชาติจากคำเดิม พร้อมเปิดต่อมรับรสให้พร้อมรับคำต่อไปนั่นแหละ

✔️จิ้มเนื้อปลากับซอส : เวลาจิ้มโชยุ ให้ใช้ด้านปลาสัมผัสกับซอส ไม่ควรให้โดนตัวข้าว เพราะข้าวจะดูดซึมซอสมากเกินไปจนเสียรสชาติที่เชฟตั้งใจทำ แถมบางทีข้าวก็จะเสียทรงแตกลงไปในถ้วยซอสก็มี ฉะนั้นอย่าทำให้เสียชื่อเซียน

Mustn’t : อย่าทำเด็ดขาด! 

Xอย่าประโคมน้ำหอมกลิ่นแรง : ไม่ว่าจะน้ำหอมแพงแค่ไหน งานนี้ก็ต้องพับเก็บไว้ก่อน เพราะแก่นของการกินโอมากาเสะเราต้องสัมผัสได้ครบทั้งรูป รส เสียง และกลิ่น ถ้าน้ำหอมเบอร์แรงมากลบกลิ่นรสชาติอาหารซะหมด มันจะไปครบรสได้ยังไงล่ะ จริงไหม?!

Xห้ามปรุงรสเองตามใจชอบ : แหม ก็พวกเราคนไทย เคยชินกับการปรุงทุกสิ่งอย่างอยู่แล้ว แต่เวลากินโอมากาเสะให้ท่องไว้นะทุกคนว่า ห้ามปรุงเอง เพราะซูชิทุกคำปรุงมาอย่างดีด้วยฝีมือเชฟแล้ว ถ้าเราเผลอไปปรุงเอง ก็เหมือนจะบอกเชฟเป็นนัย ๆ เลยนะว่า ‘ฝีมือเชฟไม่อร่อย’ ฉะนั้นห้ามจ้า

Xห้ามใช้แฟลชถ่ายรูปอาหาร : นอกจากแฟลชกล้อง แฟลชมือถือจะไปรบกวนคนอื่นภายในร้าน รวมถึงรบกวนเชฟแล้ว ยังจะทำให้รสชาติและอุณหภูมิของอาหารเสียไปด้วย 

Xอย่าทิ้งอาหารไว้นานเกินไป : ข้อนี้ต่อจากข้อที่แล้วเลยก็คือ รีบถ่าย รีบกิน อย่ามัวอัดสตอรีที ถ่ายรูปอีกสามที Live อีกนิดหน่อย ขอให้ท่องไว้ว่าซูชิในมือเปลี่ยนรสชาติความอร่อยไปทีละนิดในทุก ๆ วินาทีตั้งแต่ที่เชฟเสิร์ฟ!

Xอย่าโทรแคนเซิล : No เด็ดขาด ย้ำจากข้อแรกที่เราบอกกันไปเลยว่า เชฟจะเตรียมวัตถุดิบพอดีในแต่ละวันสำหรับเสิร์ฟลูกค้าในวันนั้น ๆ การทำให้อาหารเหลือในวัฒนธรรมญี่ปุ่นคือข้อต้องห้าม!!

โอมากาเสะ ราคาเท่าไร ?
เป็นคำถามที่พบบ่อยมากว่า แล้วตกลงโอมากาเสะนี่มันราคาเท่าไรกันแน่ จะบอกว่า Range ราคากว้างมากค่ะทุกคน ขึ้นอยู่กับคุณภาพและความหายากของวัตถุดิบ โดยมีตั้งแต่ราคาย่อมเยา 1000+ นิด ๆ ไปจนถึงคอร์สละ 10,000 up ก็มี เอาเป็นว่าใครสะดวกแบบไหนก็สามารถไปลองได้